การลงทุนอุตสาหกรรมน้ำและโซดาในประเทศกัมพูชา กรณีศึกษาบริษัท J.V. WATER
Abstract
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพแวดล้อมการแข่งขันโดยทั่วไป 2) ศึกษากลยุทธ์ระดับองค์กร กลยุทธ์ระดับธุรกิจ และกลยุทธ์ระดับหน้าที่ และ 3) ศึกษางบการเงินและการวางแผนทางการเงิน โดยศึกษาในธุรกิจน้ำดื่มและโซดาของบริษัท J.V. Water ในประเทศกัมพูชา ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ โดยใช้การวิจัยเอกสารเพื่อศึกษางบการเงินบริษัท J.V. Water และการสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ให้ข้อมูลหลัก 6 ท่าน โดยเลือกผู้ให้ข้อมูลหลักแบบเฉพาะเจาะจง จากผู้เป็นเจ้าของบริษัทในประเทศกัมพูชา 3 ท่าน และผู้ทรงคุณวุฒิในบริษัทอื่นๆ 3 ท่าน วิเคราะห์ข้อมูลเชิงเนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า
1. สภาพแวดล้อมการแข่งขันโดยทั่วไป พบว่า ตลาด “น้ำดื่ม” มีขนาดใหญ่ มีความต้องการของผู้บริโภคค่อนข้างมาก และมีแนวโน้มการเจริญเติบโตเพิ่มขึ้นเนื่องจากกระแสการรักสุขภาพของประชาชนกัมพูชา และ ตลาด “โซดา” ยังมีขนาดไม่ใหญ่ มีแนวโน้มในการเจริญเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีจำนวนคู่แข่งที่เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายโซดาน้อย
2. กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของบริษัท J.V. Water ในธุรกิจน้ำดื่มและโซดา ประเทศกัมพูชา (1) กลยุทธ์ระดับระดับองค์กร ควรเลือกใช้กลยุทธ์แบบเน้นการเติบโต (2) กลยุทธ์ระดับธุรกิจ (2.1) ผลิตภัณฑ์น้ำดื่ม ควรเลือกใช้กลยุทธ์การสร้างความแตกต่าง โดยสร้างภาพลักษณ์เป็นผลิตภัณฑ์น้ำดื่มที่ใส่ใจสุขภาพ ผลิตสินค้าให้อยู่ในระดับพรีเมียม ใช้นวัตกรรมที่ทันสมัย มีมาตรฐานรองรับการผลิต (2.2) ผลิตภัณฑ์โซดา ควรเลือกใช้กลยุทธ์การมุ่งเน้นลูกค้าเฉพาะกลุ่ม เนื่องจากตลาดโซดามีขนาดเล็ก มีคู่แข่งจำนวนไม่มาก และโซดานิยมเฉพาะกลุ่ม จึงมุ่งเน้นวัยทำงานที่ชอบสังสรรค์ และการจัดงานเลี้ยงต่าง ๆ (3) กลยุทธ์ระดับหน้าที่ ควรใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ ที่หลากหลายตามเป้าหมายหลักของบริษัท เช่น กลยุทธ์การผลิตและการดำเนินงาน กลยุทธ์ด้านการตลาด กลยุทธ์ทางการเงิน กลยุทธ์การจัดการทรัพยากรมนุษย์ และกลยุทธ์ในการวิจัยและพัฒนา โดยการผสมผสานกลยุทธ์ให้สอดคล้องกันเพื่อตอบสนองเป้าหมายหลักขององค์การ
3. ผลการวิเคราะห์งบกระแสเงินสดโครงการน้ำดื่มและโซดา บริษัท J.V. Water ประมาณการ 5 ปี (2018 – 2022) พบว่า มีงบประมาณดำเนินการ (CFO) งบประมาณลงทุน (CFI) และการดำเนินการจัดหาเงิน (CFF) ดังนี้ CFO + CFI – CFF อยู่ในเกณฑ์ดีโดยนับตั้งแต่ปีที่ 2 ของการลงทุน ถึงปีที่ 5 (2019-2022) การลงทุนโครงการสามารถดำเนินการได้ผลกำไรเพียงพอ มีงบประมาณการลงทุนเพียงพอ เพียงพอต่อรายจ่าย และเพียงพอต่อการจ่ายเงินปันผล รวมทั้งพิจารณาค่า NPV พบว่า การลงทุนสามารถทำได้ โดยมีค่า NPV เป็นบวก และค่า IRR พบว่า เป็นเปอร์เซ็นต์ผลตอบแทนที่มากกว่าต้นทุนทางการเงิน โดยโครงการลงทุนในน้ำดื่มและโซดาของบริษัท J.V. Water จะมีผลตอบแทนประมาณ 34.35% โดยจะให้ผลตอบแทนการลงทุนตั้งแต่ปีดำเนินการ ปีที่ 2 (2019) เป็นต้นไป