วาทกรรมความเป็นอื่นของภิกษุณีไทยในสังคมไทย
Abstract
การวิจัยในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาให้เห็นถึงการก่อรูป การเบียดขับ และการปิดกั้น และเพื่อศึกษาถึงภาคปฏิบัติการของวาทกรรมในการสร้างความเป็นอื่นให้กับบทบาทของภิกษุณี การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยวิธีการวิพากย์ โดยมีผู้ให้ข้อมูลสำคัญจำนวน 38 ท่าน แบ่งเป็นผู้ให้ข้อมูลในประเทศจำนวน 34 ท่าน และผู้ให้ข้อมูลจากประเทศศรีลังกาจำนวน 4 ท่าน ผู้วิจัยได้รวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลโดยการสังเคราะห์ประเด็นและรวบรวมออกมาเพื่อให้ได้คำตอบตามวัตถุประสงค์การวิจัย
ผลการวิจัยพบว่า การก่อรูปของภิกษุณีนั้นมีขึ้นมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลเพราะเป็นหนึ่งในพุทธบริษัท สี่ตามแนวทางของพระพุทธเจ้าในการเผยแพร่และทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา แต่ในประเทศไทยนั้นสถานะของภิกษุณีไทยมีการถูกเบียดขับ มีการถูกปิดกั้น มีการถูกกระทำให้เป็นอื่นด้วยวาทกรรมต่างๆ ทั้งในรูปของแนวคิดชายเป็นใหญ่ปิตาธิปไตยและในรูปแบบของการใช้อำนาจของมหาเถระสมาคม และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่กำหนดความเป็นอื่นของภิกษุณีไทย ด้วยการออกกฎระเบียบ การห้ามบวชภิกษุณีในประเทศไทย
ข้อเสนอแนะที่ผู้วิจัยได้นำเสนอในการศึกษานี้ คือ ต้องการขจัดความเป็นอื่นของภิกษุณีโดยการรับรองสถานะภิกษุณีเทียบเท่ากับภิกษุสงฆ์เพราะเป็นหนึ่งในพุทธบริษัทสี่เช่นกัน โดยให้มหาเถระสมาคมและสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติแก้ไขกฎระเบียบอนุญาตให้มีการบวชภิกษุณีได้เช่นเดียวกับการบวชภิกษุสงฆ์โดยการตั้งกฎระเบียบครุธรรม 8 เพื่อเป็นการคัดกรองผู้ที่จะมาบวชเป็นภิกษุณี ในการกระทำดังกล่าวนี้จะทำให้สถานะของภิกษุณีได้รับการรับรองว่าเป็นนักบวชเช่นเดียวกับภิกษุสงฆ์และเป็นการแสดงถึงการยอมรับในสิทธิมนุษยชนและสิทธิสตรีของมหาเถระสมาคมและสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ อีกทั้งยังเป็นการกระทำที่สอดคล้องกับหลักธรรมความต้องการของพระพุทธเจ้าในการให้มี พุทธบริษัททั้งสี่ในการเผยแพร่และทำนุบำรุงศาสนาพุทธให้เจริญก้าวหน้าต่อไป