ความสัมพันธ์ระหว่างโครงสร้างผู้ถือหุ้นกับต้นทุนเงินทุนของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
Abstract
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างโครงสร้างผู้ถือหุ้นกับต้นทุนเงินทุน 2) เพื่อเปรียบเทียบต้นทุนเงินทุนระหว่างโครงสร้างผู้ถือหุ้นครอบครัวและไม่ใช่ครอบครัวของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตัวแปรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ประกอบด้วย ตัวแปรต้นคือ ผู้ถือหุ้นที่เป็นธุรกิจครอบครัว, ผู้ถือหุ้นที่เป็นบริหาร, ผู้ถือหุ้นที่เป็นสถาบันการเงิน, ผู้ถือหุ้นที่เป็นหน่วยงานของรัฐ และผู้ถือหุ้นที่เป็นชาวต่างชาติ ส่วนตัวแปรตามคือ ต้นทุนเงินทุน ที่ใช้วิธีคำนวณจากแบบจำลองการกำหนดราคาหลักทรัพย์ (CAPM) และมีตัวแปรควบคุมคือ ขนาดของกิจการ และอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์
ผลของทดสอบสมมติฐานพบว่าโครงสร้างผู้ถือหุ้นแบบครอบครัว(FO) มีความสัมพันธ์เชิงลบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติกับต้นทุนเงินทุน ซึ่งอธิบายได้ว่าการที่บริษัทมีผู้ถือหุ้นแบบครอบครัวจะมีผลมาจากการที่ผู้ถือหุ้นที่เป็นสมาชิกในครอบครัวหรือกลุ่มครอบครัวนั้น มีอำนาจในการบริหารกิจการ เนื่องจากมีผู้บริหารและเจ้าของที่มาจากครอบครัวเดียวกัน ทำให้สามารถสร้างความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงผลประโยชน์ของบริษัทเป็นหลัก จึงทำให้นักลงทุนเกิดความมั่นใจว่าความเสี่ยงในการลงทุนผิดพลาดจะลดลง และเมื่อความเสี่ยงในการลงทุนของกิจการน้อยลง ก็จะทำให้นักลงทุนเรียกร้องผลตอบแทนน้อยลง จึงเป็นสาเหตุให้ต้นทุนของเงินลงทุนของกิจการน้อยลงตามไปด้วย และพบว่าโครงสร้างผู้ถือหุ้นที่เป็นหน่วยงานของรัฐ (GO) มีความสัมพันธ์เชิงลบกับต้นทุนเงินทุน ซึ่งการเป็นเจ้าของโดยรัฐบาล จะเกิดแรงขับเคลื่อนต่าง ๆ เช่นแรงจูงใจในการจัดหาเงินทุน ดังนั้นหากกิจการใดมีผู้ถือหุ้นที่เป็นรัฐบาลมากก็จะทำให้ได้รับความเชื่อถือและความไว้ใจจากนักลงทุน จึงทำให้นักลงทุนเกิดความมั่นใจในการลงทุน จะเป็นผลทำให้ต้นทุนของเงินลงทุนของกิจการลดลง ส่วนตัวแปรต้นอื่น ๆ เช่นผู้ถือหุ้นที่เป็นบริหาร (MO), ผู้ถือหุ้นที่เป็นสถาบัน(IO) และผู้ถือหุ้นที่เป็นชาวต่างชาติ (ForO) พบว่าไม่มีความสัมพันธ์กับต้นทุนเงินทุน