การวัดประสิทธิภาพของกลยุทธ์ Break High Strategy ด้วยขั้นตอนวิธี Quantitative Trading Methods โดยอาศัยโปรแกรม Amibroker
Abstract
การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อทดสอบประสิทธิภาพของการลงทุนแบบ Break High Strategy โดยใช้ขั้นตอนวิธี Quantitative Trading มาวิเคราะห์ประสิทธิภาพโดยใช้กระบวนการทดสอบขั้นตอนต่างๆ เช่น Market Classification ( MKC ) , Monkey Test และ Walk-Forward Analysis กรณีศึกษาข้อมูลราคาหุ้นทุกตัวใน SET100 ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระยะเวลาการทดลองตั้งแต่ 1 มกราคม ค.ศ. 2005 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม ค.ศ. 2015 เป็นเวลา 10 ปี โดยใช้ข้อมูลรายวันในการทดสอบ เพื่อเปรียบเทียบกลยุทธ์การลงทุนแบบ Buy and Hold โดยแบ่งข้อมูลเป็น 2 ชุดคือ ชุดข้อมูลในกลุ่มตัวอย่าง ( In Sample ) ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2005 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม ค.ศ. 2010 และชุดข้อมูลนอกกลุ่มตัวอย่าง ( Out of Sample ) ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2011 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม ค.ศ. 2015 โดยใช้ค่า Net Profit %, Maximum Drawdown% ,CAR/MaxDD, Profit Factor, Sharpe Ratio เป็นเกณฑ์ในการวัดประสิทธิภาพของ Trading System
ผลการศึกษาชุดข้อมูลในกลุ่มตัวอย่าง พบว่ากลยุทธ์การลงทุนแบบ Break High Strategy ให้ค่า Net Profit % เท่ากับ 122.96% แต่หากนำกลยุทธ์ไปใช้ในชุดข้อมูลนอกกลุ่มตัวอย่างกลับทำให้ค่า Net Profit % เท่ากับ 23.85% และมีค่า CAR/MDD อยู่ที่ 0.62 เมื่อเทียบกับผลทดสอบชุดข้อมูลในกลุ่มตัวอย่าง ค่า CAR/MDD อยู่ที่ 0.22 ซึ่งได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันค่อนข้างมากในส่วนของค่า Maximum Drawdown% พบว่ากลยุทธ์การลงทุนแบบ Break High Strategy จากชุดข้อมูลในกลุ่มตัวอย่างให้ค่า Maximum Drawdown% อยู่ที่ -12.64% และสำหรับผลลัพธ์ของชุดข้อมูลนอกกลุ่มตัวอย่างอยู่ที่ -10.33% ซึ่งต่างกันไม่มากนัก จากการทดสอบสามารถสรุปได้ว่ากลยุทธ์การลงทุน Break High Strategy หลังชุดข้อมูลนอกกลุ่มตัวอย่างในขั้นตอนต่างๆ นั้นให้ผลลัพธ์ที่ต่ำกว่าชุดชุดข้อมูลในกลุ่มตัวอย่างและหากนำมาเปรียบเทียบกับกลยุทธ์การลงทุนแบบ Buy and Hold จะพบว่าค่า Net Profit % อยู่ที่ 98.87% ซึ่งทำได้ดีกว่ากลยุทธ์การลงทุนแบบ Break High Strategy ที่มีค่า Net Profit % อยู่ที่ 23.85% สำหรับชุดข้อมูลนอกกลุ่มตัวอย่าง แต่หากเปรียบเทียบกับค่า Maximum Drawdown% ,CAR/MaxDD, Profit Factor, Sharpe Ratio กลยุทธ์การลงทุน Break High Strategy นั้นให้ค่าที่ดีกว่า เราจึงสามารถบอกได้ว่ากลยุทธ์การลงทุน Break High Strategy ของผู้วิจัยนั้น ไม่มีความเสถียรยั่งยืนเพียงพอและอาจเกิดปัญหาหากนำกลยุทธ์ไปใช้ลงทุนในตลาดจริง เนื่องจากไม่สามารถมั่นใจได้เลยว่าระบบเทรดจะยังคงสามารถทำกำไรในอนาคตได้ดังเดิมมากน้อยสักแค่ไหน เพราะผลจากการทำ Walk Forward Analysis นั้น ได้ค่าที่ค่อนข้างต่างกันอย่างชัดเจน
- บทความทุกเรื่องที่ตีพิมพ์เผยแพร่ได้ผ่านการพิจารณาทางวิชาการโดยผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาวิชา (Peer review) ในรูปแบบไม่มีชื่อผู้เขียน (Double-blind peer review) อย่างน้อย ๓ ท่าน
- บทความวิจัยที่ตีพิมพ์เป็นข้อค้นพบ ข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนเจ้าของผลงาน และผู้เขียนเจ้าของผลงาน ต้องรับผิดชอบต่อผลที่อาจเกิดขึ้นจากบทความและงานวิจัยนั้น
- ต้นฉบับที่ตีพิมพ์ได้ผ่านการตรวจสอบคำพิมพ์และเครื่องหมายต่างๆ โดยผู้เขียนเจ้าของบทความก่อนการรวมเล่ม