ปัจจัยที่ส่งผลต่อความพึงพอใจในการใช้บริการชาระหนี้เงินกู้ทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านเครื่องรับชาระเงินกู้ (LRM) ของธนาคารอาคารสงเคราะห์
Abstract
การศึกษาวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยด้านประชากรศาสตร์ และปัจจัยด้านการยอมรับเทคโนโลยีที่ส่งผลต่อความพึงพอใจในการใช้บริการชาระหนี้เงินกู้ทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านเครื่องรับชาระเงินกู้ (LRM) ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ โดยมีวิธีวิจัยในรูปแบบเชิงสารวจ (Survey Research) ผู้วิจัยได้เก็บรวบรวม ข้อมูลจากแบบสอบถาม จานวน 200 คน ได้รับแบบสอบถามที่ตอบคาถามครบถ้วนสมบูรณ์ทั้งสิ้น 125 ชุด และ การสัมภาษณ์ข้อมูลเชิงลึก จานวน 15 คน โดยวิเคราะห์ข้อมูลในรูปแบบของสถิติเชิงพรรณนา
ผลการศึกษา พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ เป็นเพศหญิง ร้อยละ 58 อายุอยู่ระหว่าง 31 - 40 ปี ร้อยละ 54 สถานภาพโสด ร้อยละ 54 เป็นกลุ่มระดับการศึกษาปริญญาตรี ร้อยละ 79 ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอาชีพพนักงานบริษัทเอกชน ร้อยละ 46 มีรายได้ระหว่าง 20,001 – 30,000 บาท ร้อยละ 46 และมีการรับรู้ถึงประโยชน์ อยู่ในระดับมาก (มีค่าเฉลี่ยรวมอยู่ที่ 4.54) ซึ่งส่วนใหญ่ลูกค้ามีการรับรู้การชาระหนี้เงินกู้ทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านเครื่องชาระเงินกู้ (LRM) ช่วยลดค่าใช้จ่ายในเรื่องของค่าธรรมเนียมการชาระมากที่สุด และมีการรับรู้ถึงความง่าย ในการใช้งาน โดยรวมระดับความคิดเห็นในการยอมรับเทคโนโลยีอยู่ในระดับมาก (มีค่าเฉลี่ยรวมอยู่ที่ 4.54) และพบว่า ปัญหาที่ส่งผลต่อความพึงพอใจในการใช้บริการชาระหนี้เงินกู้ทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านเครื่องรับชาระเงินกู้ (LRM) ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ จากการสัมภาษณ์เชิงลึก คือ การรับรู้ถึงความง่ายในการใช้งาน แต่ยังขาดฟังก์ชันที่ยังไม่ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า ช่องทางที่หลากหลายในการเข้าถึงระบบการใช้บริการชาระหนี้เงินกู้ทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านเครื่องรับชาระเงินกู้ (LRM) ดังนั้นการพัฒนาระบบการบริการชาระหนี้เงินกู้ทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านเครื่องรับชาระเงินกู้ (LRM) ให้มีฟังก์ชันการทางานของระบบให้มากขึ้น สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้า ซึ่งจะส่งผลให้ลูกค้าได้เข้าถึงระบบได้มากขึ้นและส่งผลให้ลูกค้ามีความพึงพอใจต่อการใช้ระบบการบริการชาระหนี้เงินกู้ทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านเครื่องรับชาระเงินกู้ (LRM) ของธนาคารอาคารสงเคราะห์
- บทความทุกเรื่องที่ตีพิมพ์เผยแพร่ได้ผ่านการพิจารณาทางวิชาการโดยผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาวิชา (Peer review) ในรูปแบบไม่มีชื่อผู้เขียน (Double-blind peer review) อย่างน้อย ๓ ท่าน
- บทความวิจัยที่ตีพิมพ์เป็นข้อค้นพบ ข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนเจ้าของผลงาน และผู้เขียนเจ้าของผลงาน ต้องรับผิดชอบต่อผลที่อาจเกิดขึ้นจากบทความและงานวิจัยนั้น
- ต้นฉบับที่ตีพิมพ์ได้ผ่านการตรวจสอบคำพิมพ์และเครื่องหมายต่างๆ โดยผู้เขียนเจ้าของบทความก่อนการรวมเล่ม