ปัจจัยที่ส่งผลต่อจำนวนเงินคงค้างชาระหนี้เงินกู้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของลูกค้าที่ขอประนอมหนี้กับธนาคารอาคารสงเคราะห์
Abstract
การศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อจำนวนเงินคงค้างชาระหนี้เงินกู้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของลูกค้าที่ขอประนอมหนี้กับธนาคารอาคารสงเคราะห์ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ธนาคารมีข้อมูลใช้ในการบริหารจัดการ และลดความเสี่ยงที่จะเกิดการค้างชำระหนี้ได้อย่างเหมาะสม ทั้งในส่วนของกระบวนการดำเนินการ และแนวทางการแก้ไขปัญหา รวมถึงสามารถหามาตรการรองรับ และป้องกันเพื่อให้ธนาคารมีคุณภาพสินเชื่อของทั้งพอร์ตโฟลิโอที่ดีได้มากขึ้น ผู้วิจัยทำการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามจากกลุ่มลูกหนี้ที่เข้ามาขอประนอมหนี้ที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ จำนวน 200 ชุด ซึ่งผู้วิจัยได้รับแบบสอบถามกลับมาเป็นจานวน 180 ชุด ข้อมูลที่ได้นำมาวิเคราะห์สถิติเชิงพรรณนา และสถิติเชิงอนุมานโดยใช้สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติ Independent T-test การวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียว (One-way Analysis of Variance: One-way ANOVA) การหาค่าสหสัมพันธ์โดยวิธีการของเพียร์สัน (Perason Correlation) และเทคนิคการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ (Multiple Regression Analysis)
ผลการศึกษา พบว่า (1) อายุ จำนวนสมาชิกในครอบครัว รายจ่ายเฉลี่ยต่อเดือน รายได้สุทธิต่อเดือน อัตราส่วนความสามารถในการชำระหนี้ (DSCR) จำนวนเงินที่ต้องผ่อนชาระในแต่ละงวด มูลค่าหลักประกันที่ใช้ขอสินเชื่อ และมูลเหตุที่เกิดจากตัวลูกหนี้ด้านมีรายได้ลดลง มีความสัมพันธ์เชิงเส้นตรงกับจานวนหนี้คงค้างเงินกู้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 โดยทั้ง 8 ปัจจัยสามารถอธิบายความผันแปรของจำนวนหนี้คงค้างเงินกู้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยได้ 69.0% และ (2) อายุ จำนวนสมาชิกในครอบครัว อัตราส่วนความสามารถในการชำระหนี้ (DSCR) จำนวนเงินที่ต้องผ่อนชาระในแต่ละงวด มูลเหตุที่เกิดจากตัวลูกหนี้ด้านการนาเงินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ และตัวแปรดัมมี่แสดงอิทธิพลของภูมิภาคของหลักประกันในกรุงเทพและปริมณฑล มีความสัมพันธ์เชิงเส้นตรงกับสัดส่วนของจำนวนหนี้คงค้างต่อยอดหนี้ทั้งหมด อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 โดยทั้ง 6 ปัจจัยสามารถอธิบายความผันแปรของจำนวนหนี้คงค้างเงินกู้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยได้ 64.7%
- บทความทุกเรื่องที่ตีพิมพ์เผยแพร่ได้ผ่านการพิจารณาทางวิชาการโดยผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาวิชา (Peer review) ในรูปแบบไม่มีชื่อผู้เขียน (Double-blind peer review) อย่างน้อย ๓ ท่าน
- บทความวิจัยที่ตีพิมพ์เป็นข้อค้นพบ ข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนเจ้าของผลงาน และผู้เขียนเจ้าของผลงาน ต้องรับผิดชอบต่อผลที่อาจเกิดขึ้นจากบทความและงานวิจัยนั้น
- ต้นฉบับที่ตีพิมพ์ได้ผ่านการตรวจสอบคำพิมพ์และเครื่องหมายต่างๆ โดยผู้เขียนเจ้าของบทความก่อนการรวมเล่ม