ศึกษากลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อเพิ่มยอดการใช้บริการโอนเงินด่วนระหว่างประเทศ ผ่านระบบ เวสเทิร์น ยูเนี่ยน (WESTERN UNION)
กรณีศึกษาธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ในเขตกรุงเทพมหานคร
Abstract
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาพฤติกรรมการตัดสินใจเลือกใช้บริการโอนเงินด่วนระหว่างประเทศของลูกค้า 2) ศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจใช้บริการ และ 3) เพื่อกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดในการเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการโอนเงินด่วนระหว่างประเทศผ่านระบบเวสเทิร์น ยูเนี่ยน (Western Union) ของลูกค้าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ในเขตกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีรายได้จากการให้บริการโอนเงินด่วนระหว่างประเทศผ่านระบบ เวสเทิร์น ยูเนี่ยน ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ธนาคารกำหนดไว้ ผู้ศึกษาได้ทำการเก็บข้อมูลจากการสัมภาษณ์พนักงาน ธ.ก.ส. ในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 10 คน และเก็บข้อมูลจากแบบสอบถามลูกค้า ธ.ก.ส. ในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 90 คน และนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์เพื่อหาค่าสถิติ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวัดระดับข้อมูลด้วย Likert Scale ผลการศึกษาด้านข้อมูลทั่วไป ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ 52.22 มีอายุระหว่าง 41-50 ปี ร้อยละ 43.33 สถานภาพโสด ร้อยละ 42.22 การศึกษาระดับต่ำกว่าปริญญาตรี ร้อยละ 41.11 อาชีพพนักงานบริษัทเอกชน/ลูกจ้าง ร้อยละ 40 มีรายได้มากกว่า 50,000 บาทขึ้นไป ร้อยละ 26.67 ด้านพฤติกรรมการใช้บริการของลูกค้า ส่วนใหญ่ใช้บริการผ่านหน้าเคาน์เตอร์บริการ ร้อยละ 100 เป็นการใช้บริการส่งเงินด่วน ร้อยละ 68.89 ใช้บริการโดยเฉลี่ยน้อยกว่า 1 ครั้งต่อเดือน ร้อยละ 54.44 จำนวนเงินต่อครั้งที่ใช้บริการมากกว่า 50,000 บาทขึ้นไป ร้อยละ 32.22 โดยมีวัตถุประสงค์การใช้บริการเป็นรายได้ส่งกลับ ร้อยละ 44.44 ด้านปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด (7Ps) ที่มีผลต่อการตัดสินใจใช้บริการ พบว่ามีปัจจัย 5 ด้าน คือ ด้านผลิตภัณฑ์ ด้านราคา ด้านบุคคล ด้านลักษณะทางกายภาพ และด้านกระบวนการ ที่มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ผู้วิจัยได้วางแผนกลยุทธ์สำหรับการเพิ่มยอดการใช้บริการโอนเงินด่วนระหว่างประเทศผ่านระบบเวสเทิร์น ยูเนี่ยน (Western Union) โดยการใช้กลยุทธ์การส่งเสริมการตลาด เพื่อเป็นการดึงดูดให้ลูกค้ามาใช้บริการเพิ่มมากขึ้น และธนาคารจะมีรายได้เป็นไปตามเป้าหมาย
- บทความทุกเรื่องที่ตีพิมพ์เผยแพร่ได้ผ่านการพิจารณาทางวิชาการโดยผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาวิชา (Peer review) ในรูปแบบไม่มีชื่อผู้เขียน (Double-blind peer review) อย่างน้อย ๓ ท่าน
- บทความวิจัยที่ตีพิมพ์เป็นข้อค้นพบ ข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนเจ้าของผลงาน และผู้เขียนเจ้าของผลงาน ต้องรับผิดชอบต่อผลที่อาจเกิดขึ้นจากบทความและงานวิจัยนั้น
- ต้นฉบับที่ตีพิมพ์ได้ผ่านการตรวจสอบคำพิมพ์และเครื่องหมายต่างๆ โดยผู้เขียนเจ้าของบทความก่อนการรวมเล่ม